ความแตกต่างระหว่างความรู้กับความเชื่อความศรัทธา
ทราบไมว่า ความศรัทธาหรือความเชื่อเป็นบางสิ่งที่แตกต่างไปจากความรู้ เกี่ยวกับพระเจ้า เอกภาพแห่งการดำรงอยู่ของพระองค์ และคุณสมบัติอื่นของพระองค์ ยกตัวอยางเช่น ซิฟัตมาลีกียะห์(คุณสมบัติของความสมบรูณ์ด้วยตัวพระองค์)คุณสมบัติในทางบวก ซิฟัตยะลาลียะห์ (คุณสมบัติของความจำเริญ)และคุณสมบัติในทางลบและอื่นๆ อีก เช่นความรู้เกี่ยวฑูตคัมภีร์อันศักดิ์สิทธิ์และวันตัดสินพิพากษา ผู้ใดก็ตามที่เขามีความรู้ในสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดก็ไม่จำเป็นว่า เขาจะต้องเป็นผู้ที่มีศรัทธา มารร้ายก็มีความรู้ในสิ่งทั้งมวลเหล่านี้มากกว่า ฉันและท่านหรือบุคคลใดก็ตามแต่ถึงกระนั้นมันก็ผู้ปฎิเสธความศรัทธาเป็นการถวิลหาของหัวใจ นั้นคือ ประสบการณ์ด้านใน ซึ่งถ้าหากมันมิใช่ของที่แท้จริงแล้วมันก็จะไม่เป็นการศรัทธา
ผู้ใดก็ตามที่เขาได้รับรู้ในทางศาสนาโดยผ่านทางการพิสูจน์และชี้แจงแสดงหลักฐาน อย่างมีเหตุผลแล้วก็ควรย่อมจำนนต่อสัจธรรมเหล่านั้นอย่างเต็มใจด้วยกับการทุ่มเทตัวของเขาเองอย่างเต็มที่และเชื่อฟังเสียงเรียกร้องของหัวใจอย่างซื่อสัตย์ นั้นคือ การย่อมจำนนอย่างราบคาบต่อพระเจ้า ด้วยความอ่อนน้อมและยำเกรง ตลอดจนยอมรับในความรับผิดชอบทั้งมวลที่ได้คาดหวังเอาจากเขาด้วยความจริงใจ โดยปราศจากข้อแม้ใดๆทั้งสิ้น ด้วยประการฉะนี้เขาจึงสามารถเป็นมุอ์มินที่สมบรูณ์ได้จุดสุดยอดของการศรัทธา ก็คือการสงบสันตินั้นเอง เมื่อแสงสว่างแห่งความศรัทธามีความมั่นคงดีแล้ว มันจะเอาจิตที่สงบมากับตังของมัน และสิ่งนี้เป็นบางสิ่งึ่งมิได้มีผลมาจากความรู้
นับเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ว่า เหตุผลอาจยอมรับบางสิ่งซึ่งเป็ฯไปตามคำบัญชาและหลักตรรกสตร์ของมัน แต่หัวใจไม่อาจพร้อมที่จะยอมรับไปด้วยกับมัน จึงทำให้ความรู้ไร้ประโยชน์ เป็นต้นว่าท่านรู้โดยอาศัยเหตุผลของท่านว่า คนตายไม่สามารถทำอันตรายใดๆได้และที่ว่าคนตายทั้งหมดในโลกนี้ไม่มีพลังอำนาจใดๆถึงแม้จะมีพลังเท่าแมลงวันซักตัวก็ไม่ได้ และที่ว่าความสามารถของร่างกายและจิตใจ ทั้งหมดได้ละจากไปจนหมดสิ้นแล้วในทันทีที่ผู้หนึ่งได้เสียชีวิตลง แต่เนื่องจากหัวใจของท่านไม่ยอมรับมัน และยังไม่เห็นด้วยกับข้อตัดสิ้นของเหตุผล ท่านจึงไม่สามารถนอนค้างคืนอันมืดมิดอยู่กับคนตายซักคืนหนึ่งได้ แต่ถ้าหัวใจของท่านเห็นพ้องกับเหตุผลของท่านและเห็นด้วยกับข้อตัดสินของมัน การกระทำข้างต้นนั้น จึงเป็นเรื่องที่ไม่ลำบากอันใดสำหรับท่านภายหลังจากพยายามสักหน่อย หัวใจก็ยอมมอบตนให้อยู่ใต้บังคับบัญชาของเหตุผล ฉะนั้นจึงไม่มีความกลัวคนตายหลงเหลืออยู่ในหัวใจ
นับเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ว่า ผู้หนึ่งสามารถพิสูจน์ด้วยวิชาตรรกศาตร์ ถึงการมีอยู่ของผู่ออกแบบผู้ทรงเฉลีวฉลาดสูงสุด เอกภาพของพระองค์ผู้ทรงสูงสุด วันตัดสินพิพาทษาและความเชื่อถือที่เที่ยงแท้อื่นๆอีก แต่ความเชื่อถือเยี่ยงนั้น ไม่อาจพิจารณาได้ว่าเป็นการศรัทธา และบุคลผู้นั้นก็ไม่อาจถือว่าเป็น มุอ์มิน คนหนึ่ง แต่เขาอาจถูกนับให้อยู่ในหมู่ผู้ไร้ศรัทธา มุนาฟิก
วันนี้ดวงตาของฉัน และของท่านยังถูกปิดอยู่และเรายังไม่ดวงตาแห่งสวรรค์ใดๆดวงตาของเราแห่งโลกมนุษย์นี้ไม่อาจจะสำเนียงได้ แต่เมื่อความลี้ลับได้ถูกเปิดเผยและอาณาจักรแห่งสวรรค์ถูกทำให้ปรากฎ โลกธรรมชาติจะหายไปสัจธรรมจะถูกเปิดเผย แล้วท่านจะได้ตระหนักว่า ท่านมิได้เป็นผู้ศรัทธาในพระเจ้าและการตัดสินที่เป็นวิตรรกของท่านนั้น มิได้สอดคล้องต้องกันกับการศรัทธาของท่าน นอกเสียจากคำว่า(ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺ) จะถูกสลักอยู่ในแก่นแท้ของหัวใจด้วยกับปากกาแห่งเหตุผล มนุษย์มักจะมิได้เป็นผู้ศรัทธาที่แท้จริงในเอกภาพของพระเจ้าก็ต่อเมื่อรสแห่งธรรมและคำบัญชาของพระองค์เป็นที่ซาบซึ่งแก่หัวใจแล้ว ขอบข่ายของหัวใจก็จะหันมาด้วยตัวของมันเองสู่อาณาจักรของพระเจ้า ฉะนั้นมุนษย์เท่านั้นที่จะมองเห็นได้ว่าไม่มีผู้ใดเลยที่จะมีประสิทธิภาพเยี่ยงนี้
ในขอบข่ายของสัจธรรม เขาจะไม่คาดหวังเพื่อตำแหน่งใดๆเกียรติยศใดๆ หรือความร่ำรวยใดๆ จากผู้ใดทั้งสิ้น เขาจะไม่แสวงหาเกียรติยศและชื่อเสียง ด้วยกับการช่วยเหลือของผู้อื่นและหัวใจของเขา ก็จะไม่อยู่ในสภาพกลับกลอกและต่ำทราม เพราะฉะนั้น ถ้าท่านผู้เห็นว่า ริยาอ์ กำลังเข้ามาขโมยอยู่ในหัวใจของท่าน ท่านควรตระหนักไว้ด้วยว่าหัวใจของท่านนั้นยังไม่ยอมสยบนบน้อมต่อตัวของมันเองต่อหลักแห่งเหตุผลอย่างแท้จริง และศรัทธาก็ยังมิได้ส่องประกายอยู่ในหัวใจของท่านเช่นกัน ทั้งนี้เพราะว่าท่านยังพิจารณาเห็นบุคคลอื่น เป็นพระเจ้าของท่านอยู่ และมองเห็นพวกเขาเป็นตัวแทนที่มีประสิทธิภาพในโลกนี้ และท่านมิได้ไว้วางใจในพระองค์ ทั้งนี้หมายความว่า ท่านได้เข้าร่วมกับกลุ่มของพวก มุนาฟิกุน พวกตั้งภาคี
ริยาอ์ หมายถึง การเสแสร้งทำตนเองให้ปรากฎต่อหน้าผู้คนว่าเป็นผ็มีคุณธรรม มีอุปนิสัยที่ดีหรือเป็นผู้มีศรัทธาอย่างแท้จริงในพระเจ้า เพื่อเห็นแก่การได้รับความยอกย่อง และการชื่นชมจากพวกเขาหรือเพื่อจุดประสงค์ให้ได้มาซึ่งชื่อเสียงที่ดีในหมู่พวกมุนาฟิก(กลับกลอก)แสดงออกอย่างปลอมๆ ในเรื่องของความเป็นหนึ่งเดียว ความถูกต้อง ความมีคุณธรรม ความซื่อตรงและความดีงาม โดยปราศจากความตั้งใจที่แท้จริง ที่จะให้ได้มาซึ่งอุปนิสัยเหล่านี้เพื่อเห็นแก่พระเจ้า
(คัดจากบางตอนของหนังสือ 40 hadith)
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น