เรียนมารยาทจากคนไร้มารยาท

เรียนมารยาทจากคนไร้มารยาท

     คร่าวก่อนเราได้พูดถึง การขัดเกลาตนเองและวิธีการขัดเกลาตนเองไปแล้ว ณ.บทเรียนนี้จะกล่าวถึงวิธีการได้มาซึ่งกิริยามารยาทอันดีงาม

     เพื่อพระผู้เป็นเจ้าทรงโปรดบ่าวคนใดเป็นพิเศษ สิ่งแรกที่พระองค์ทรงประทานให้เขาคือ  ตาทิพย์

ซึ่งสิ่งแรกที่พระองค์ทรงอนุมัติให้บ่าวผู้นั้นมองเห็นได้ด้วยตาทิพย์ คือ จุดบกพร่องและความน่าเกียดน่าชังต่างๆนานาที่มีอยู่ในตัวของเขา

   

ใครก็ตามที่ได้ตาทิพย์นี้มาเขาจะสามารถมองเห็นทุกๆข้อผิดพลาดของตนเองในทุกระเบียนนิ้ว  จะไม่มีความผิดใดเล็ดลอดสายตาของเขาไปได้และเมื่อเขามีโอกาสได้รับรู้     ก็ยิ่งเป็นสิ่งที่ง่ายต่อการแก้ไขยิ่ง...แต่ทว่าน่าเสียดายที่มนุษย์ส่วนใหญ่     กลับมองไม่เห็นความผิดพลาดของตนเอง     และแทนที่จะรุดหน้าเพื่อแก้ไขจุดบกพร่องของตนเอง      มนุษย์ส่วนใหญ่กลับจะมามัวเสวนาอยู่กับความผิดพลาดของผู้อื่น     จนเห็นได้ว่าจะเป็นการ ติ  เพื่อทำลายเสียมากกว่า  ติเพื่อก่อ

 

หรือหากมนุษย์ต้องการที่จะรับรู้ถึงความบกพร่องของตนเองอยู่เสมอ  เขาก็ควรมีสหายที่ดีไว้ซักคนหนึ่งซึ่งจะต้องเป็นคนที่มีอัคลากอิสลาม(นิสัยที่ดี)     เพื่อที่จะได้คอยสังเกตุพฤติกรรมทุกระเบียบนิ้วของเขา  และเมื่อเจอความผิดพลาดจะได้ตักเตือนเขา     หรือในอีกทางหนึ่งที่จะทำให้มนุษย์สามารถรู้ถึงจุดบกพร่องของตนเองได้ คือ  จากการรับฟังคำบอกเล่าของศัตรู  เพราะแน่นอนศัตรูย่อมจ้องทำลายล้างและรอคอยความผิดพลาดที่จะเกิดขึ้นจากตัวเรา  เพื่อที่จักได้ตอกย่ำซ้ำเติอโดยพลัน

ทว่า..............คนส่วนใหญ่จะมองข้ามในจุดนี้ไป  เพราะจะตีความว่า    คำกล่าวที่มาจากศัตรูเป็นสิ่งที่ไม่ควรเชื่อถือ   ทั้งๆที่ในบางครั้งการชี้จุดบกพร่องของมนุษย์ที่มาจากศัรตูนั้นจะชัดแจ้งกว่า    การบอกกล่าวตักเตือนของมิตรสหายเสียอีก

     

         ทว่าบุคคลที่มีตาทิพย์เท่านั้นจะยอมรับว่าการชี้ชัดของศัรตูและนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์     เพื่อจักได้ขจัดของบกพร่องนั้นๆของตนให้หมดไป     มนุษย์สามารถปฎิบัติได้เกี่ยวกับประเด็นนี้  คือ  การพบปะสังสรรค์  คบค้าสมาคม   กับคนมากหน้าหลายตา  หลายหมู่เหล่า  เพื่อเรียนรู้ถึงคุณความดี และ ความไม่ดีควบคู่ไปด้วย   โดยใช้การแยกแยะของสติปัญญาและความรู้สึกเป็นหลักในการตัดสินใจ   หากพบพานสิ่งใดที่น่าปราบปลื้มยินดีมองดูแล้วน่านำมาเป็นแบบอย่าง   สร้างความชุ่มชืนให้กับหัวใจและจิตวิญญาน   ก็จงรู้ไว้ว่านั้นคือความดีงามที่ควรปฎิบัติ.............แต่.....หากสิ่งที่พบเห็นกลับมองดูน่ารังเกียจ  สร้างความหดหู่ให้กับชีวิตจิตใจและตรงกันข้ามกับสติปัญญา  ก็จงร็ไว้อีกว่า    สิ่งเหล่านั้นควรแก่การหลีกเหลี่ยงที่จะกระทำเหมือดังที่เห็นมาแล้ว................ 

 

หากสังคมมนุษย์กระทำได้เพียงเท่านี้   ก็คงจะไม่มีความจำเป็นใดๆกับการสั่งสอนของครูบาอาจารย์กับการเล่าเรียนกิริยามารยาทใดอีกเลย

เมื่อท่านนบี อีซา(อ.)  ถูกถามว่า  ท่านเรียนมารยาทจากใคร   ผู้ใดหรือ?  ท่านตอบว่า  ฉันมิได้เรียนจากใครนอกเสียจาก  การสังเกตุความโง่เขล่าเบาปัญญาของคนไร้ปัญญา  และฉันได้หลีกหนีให้ห่างไกลจากมัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น