ที่มาของกิเลสตัณหา
ในที่นี้จะกล่าวถึงสิ่งที่จะดึงมนุษย์สู่ความต่ำต้อยและใกล้เคียงกับเดรัจฉาน หากมนุษย์ให้ความสำคัญกับสิ่งเหล่านี้เพียงอย่างเดียว เช่น -ปากท้อง
-อวัยวะเพศ
-ลิ้น เป็นต้น
มนุษย์สามารถยืนหยัดอยู่กับอัคลาคที่ดี(นิสัยที่ดี)ได้ โดยการปฎิบัติแต่สิ่งที่ดีนั้นติดต่อกันจนซึมซับเข้าสู่หัวใจของเขา ซึ่งจะแผ่ผลไปสู่ส่วนต่างๆของเรือนร่างด้วย สืบเนืองมาจากว่าเรือนร่างและอวัยวะส่วนต่างๆของมนุษย์มีบทบาทสำคัญในการปฎิบัติดีและไม่ดีของมนุษย์ หากปฎิบัติแต่สิ่งที่ดีเขาก็จะได้อัคลาคที่ดีงามเก็บสะสม
ดังนั้น.....มนุษย์จะต้องตรวจตาดูและระมัระวังการบงการของหัวใจ และปฎิบัติตามอวัยวะส่วนต่างๆให้อยู่ในขอบเขตเสมอ โดยเฉพาะในเรื่องราวของการ บริโภค, เรื่องเพศ , และเรื่องราวของการเสวนา(ลิ้น) เพราะส่วนใหญ่แล้วมนุษย์จะถูกดึงให้ต้อยต่ำ โดยเหตุผลที่มาจาก สาม สิ่งนี้
ท่านศาสดา(ซล.)ได้กล่าวไว้ว่า “ใครก็ตามที่ระมัดระวังตนเองจากท้อง , อวัยวะเพศ , และลิ้นของตนให้ห่างไกลจากด้านลบของมัน เขาจะปลอดภัยจากทุกๆความโชคร้าย”
กิเลสที่เกิดจากท้อง คือ กิเลสแห่งอาการอยากกิน
เป็นที่กระจ่างชัดแล้วว่า ท้องคือ ที่มาแห่งกิเลสต่างๆ เป็นที่มาของความน่ารังเกียดต่างๆ และแม้กระทั้ง กิเลสที่มาจากเรื่องเพศก็ยังมีที่มาจากท้อง เพราะหากมนุษย์บริโภคมากก็จะมีอารมณ์ทางเพศมาก..........สิ่งเหล่านี้ผลักดันให้มนุษย์มีความอยากได้มาซึ่ง ทรัพย์สิน , ตำแหน่ง และแล้วมนุษย์ก็พร้อมที่จะกระทำทุกอย่างเพียงเพื่อให้ได้มาสิ่งเหล่านี้....ทำให้คุณลักษณะชั่วร้ายอื่นๆตามมาด้วย เช่น ความอิจฉาริษยา , ความแก่งแย่งชิงดี , ความเอารัดเอาเปรียบ , ความเห็นแก่ตัว และหากเราไม่ได้ควบคุมบังเหียนแห่งกิเลสแล้ว เขาจะถูกพาไปสู่ความหายนะในที่สุด
คุณลักษณะอันหน้ารังเกียดที่ถูกกล่าวไปแล้ว ล้วนแล้วแต่มีผลลัพธ์ของการตกเป็นทาสอาการอยากของปากท้องทั้งสิ้น ทว่าเมื่อใดก็ตามที่บ่าวของพระองค์ได้ปิดกั้นหนทางที่จะนำมาซึ่งกิเลสตัณหาอันมากมาบ โดยการฝึกฝนให้ปากท้องได้รับการบริโภคในปริมาณที่พอเหมาะ หรือฝึกฝนกายให้ได้พบกับความโหยหิวเสียบ้าง มนุษย์จะพร้อมปฎิบัติตามบัญชาต่างๆของพระองค์ได้ดีกว่า เพราะความอิ่มเอิบจนเกินไปเป็นที่มาของความละโลภละโมบจนในที่สุดมนุษย์ต้องตกเป็นทาสของดุนยา แทนที่จะหันมาเลือกตะเตรียมเสบียงอาเครัตเสียบ้าง
ท่านศาสดา(ซล.) กล่าวว่า “ ลูกหลานที่แท้จริงของอาดัมจะไม่เติมท้องของตนเองให้เต็มไปด้วยอาหารอย่างทารุณ แต่พวกเขาจักเพียงพอต่อไม่กี่คำ เพื่อสร้างกำลังวังชาให้ร่างกายได้เคลื่อนไหวต่อไปเท่านั้น ดั่งนั้นพวกเขาจำเป็นต้องกินอาหาร เมื่อต้องกินก็จงแบ่งท้องออกเป็น สาม ส่วนเท่าๆกัน - หนึ่งสำหรับอาหาร
-อีกส่วนหนึ่งสำหรับน้ำ
-ส่วนสุดท้ายสำหรับหายใจ “
อีกรายงาน กล่าว่า” จงอย่าทำให้ท้องใส้ของตนเต็มเปี่ยมไปด้วยอาหารและเครื่องดื่มให้มากจนเกินพิกัด เพราะมนุษย์เสมือนกับเรือกสวนไร่นา ที่ถ้าหากให้ปุ๋ยหรือน้ำมากจนเกินไปก็จักทำให้ผลผลิตเสียหาย ตายหรือใบเหลืองแห้งได้”
อีกรายงาน กล่าว่า”ผู้ที่มีความหิวโหยและความคิดความอ่านของเขามีมากก่าผู้อื่น คือ ผู้ที่มีตำแหน่งสูงส่งกว่า ณ. ทัศนะของพระองค์ และผู้ที่หมกมุ่นอยู่กับการกินการนอนมากกว่า คือผู้ที่อยู่ในความกริ้วของพระองค์”
ท่านอิมามญะญะฟัร อัศศอดิก(อ.) กล่าวว่า “ลิ้นที่สงบและท้องที่หิ้วกริ่วคือ ที่รักของพระองค์ ไม่มีสิ่งใดที่จะเป็นโทษต่อผู้ศรัทธาได้มากเท่ากับการกินจุ ซึ่งการกินจุเป็นที่มาของคุณลักษณะอันเป็นโทษต่อมนุษย์ คือ 1.มนุษย์มีจิตใจที่มืดบอดยากที่จะเข้าสู่สัจธรรม
2.เขาจะเป็นบุคคลที่มากด้วยกิเลสตัณหา
ในขณะที่ผู้กินน้อยจะนึกถึงอาหารจิตวิญญานบ้าง ซึ่ง ณ. จุดนี้เหล่าผู้รู้เท่าไม่ถึงการต่างพากันมีความเห็นว่า ดังนั้นมนุษย์ถึงควรหลีกเหลี่ยงการกินให้มากที่สุด และต้องลุกขึ้นต่อสู้กับความต้องการทางธรรมชาติอย่างจริงจังเสียที โดยจำกัดเวลาในการบริโภคอาหารและหลีเหลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีรถชาติอร่อย
ซึ่งกลุ่มปัญญาชนที่แท้จริงเท่านั้นจึงจะรู้ว่าสิ่งที่ สถาบันอัคลาคต้องนั้นไม่ใช่การหลีกเหลี่ยงจากอาหารโดยปราศจากความสมดุลย์ ซึ่งจะเป็นโทษต่อร่างกายภายหลัง แต่สิ่งที่มนุษย์ควรพึงปฎิบัติไว่เสมอในทุกๆหัวข้อของการดำรงชีวิต มนุษย์ควรที่จะยึดเอาความพอดีเสียจะถูกต้องกว่า ดังนั้นจะต้องระมัดระวังการบริโภคของตนให้อย่ในสภาวะสมบรูณ์แบบ ได้รับประโยชน์จากอาหารทุกหมู่ ในขณะเดียวกันก็ไม่มากเกินความพอดีหรือรู้สึกอึดอัดหลังรับประทานอาหาร แทนที่จะรู้สึกมีกำลังที่จะดำเนินชีวืตต่อไป และไม่น้อยจนเกินไปจนทำให้เป็นที่มาของโรคขาดสารอาหารต่างๆ ดังนั้นจงบริโภคให้เพียงความหิวถูกประทังไป เมื่อมีความรู้สึกไม่หิว มนุษย์จักได้มีคุณลักษณะคล้ายคลึงกับเหล่าฑูตสวรรค์ ที่พวกเขาไม่หิวและจะไม่กระหาย และบรรดามาลาอีกะห์ยังห่างไกลการกอนจุอีกด้วย
ลุกมาน ได้กล่าวกับลูกชายของตนว่า :โอ้ลูกรัก เมื่อเจ้าเพิ่มเติมท้องไส้ของเจ้าให้เต็มไปด้วยอาหาร เท่ากับว่าเจ้าได้ปิดตาของเจ้าลง และเจ้าได้ตัดลิ้นแห่งวิทยญานของเจ้าเอง และราวกับเจ้าได้ตรึงเรือนร่างและอวัยวะของตนไว้ให้หยุดนิ่งจากทุกๆการงาน
ประโยชน์จากการบริโภคอย่างพอดี
-จิตใจแจ่มใส ร่าเริง
-มีความผาสุขที่ไดปฎิบัติตามคำบัญชาของพระองค์
-จะรำลึกถึงความหิวโหยในวันกิยามัต
-ได้ทำลายล้างพลังแห่งกิเลสตัณหา
-ได้นอนอย่างพอดีและตื่ยง่าย
-ชีวิตยืนยาว
-มีความกระปี้กระเปร่าต่อการทำอามั้ล อิบาดะห์ ทำสิ่งดีๆ
-ห่างไกลจากโรคภัยทั้งปวง
-เป็นที่รักของพระองค์
ท่านศาสดา(ซล.)” กล่าวว่า การกินจุ คือที่มาของโรคภัยและ การกินอย่างพอดี คือ ยารักษาทุกโรค “
สลามค่ะ
ตอบลบเนื้อหาดีมากเลยค่ะ