สาส์นท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ถึง อิสมาอีล ฮะนียะฮฺ
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามได้ส่งสาส์นถึง ฯพณฯ อิสมาอีล ฮะนียะฮฺ นายกรัฐมนตรีรัฐบาลที่ชอบธรรมของหะมาส ด้วยการชี้ให้เห็นถึงความพ่ายแพ้ของกองทัพที่ทันสมัยของลัทธิไซออนิสต์เมื่อเผชิญกับ “ความอดทน ความกล้าแกร่ง และความเสียสละ” ของบรรดามุญาฮิดีนผู้ทรนงองอาจ และประชาชนผู้ถูกอธรรมชาวฆ็อซซะฮฺ โดยท่านผู้นำสูงสุดได้ย้ำในตอนหนึ่งว่า “ความอดกลั้นที่ ฯพณฯ และมุญาฮิดีนผู้ทรนงองอาจ และบรรดาผู้พลีชีพ และประชาชนชาวฆ็อซซะฮฺทุกคนได้อดทนต่อวิฤติการณ์ที่เลวร้ายที่สุดที่อาชญากรสงครามของโลกและหน้าประวัติศาสตร์ได้ก่อกรรมทำเข็ญต่อพวกท่านมาเป็นเวลา 20 วัน ถือเป็น “ธงแห่งเกียรติยศ”ที่โบกสะบัดเหนือประชาชาติอิสลาม”
ต่อไปนี้คือสาระโดยสมบูรณ์ของสาส์นดังกล่าว
بسم الله الرحمن الرحيم
ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตานิจนิรันดร
ฯพณฯ อิสมาอีล ฮะนียะฮฺ น้องชายเลือดนักสู้ (มุญาฮิด)
سلام عليكم بما صبرتم
ศานติพึงมีแด่ท่านในสิ่งที่ท่านได้อดกลั้น
ความอดกลั้นที่ ฯพณฯ และมุญาฮิดีนผู้ทรนงองอาจ และบรรดาผู้พลีชีพ และประชาชนชาวฆ็อซซะฮฺทุกคนได้อดทนต่อวิฤติการณ์ที่เลวร้ายที่สุดที่อาชญากรสงครามของโลกและหน้าประวัติศาสตร์ได้ก่อกรรมทำเข็ญต่อพวกท่านมาเป็นเวลา 20 วัน ถือเป็น “ธงแห่งเกียรติยศ” ที่โบกสะบัดเหนือประชาชาติอิสลาม ท่านทั้งหลายได้พิสูจน์ให้เป็นที่ประจักษ์แล้วว่า หัวใจที่เปี่ยมล้นด้วยพลังศรัทธาต่ออัลลอฮฺและวันกิยามะฮฺ และจิตวิญญาณที่หนักแน่น และศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมุสลิมที่จะไม่มีวันศิโรราบรับความอัปยศและจำนนต่อความอธรรมและการกดขี่บีฑา พลังศรัทธาที่เผชิญหน้ากับเผด็จการทรราชและเหล่าอันธพาลที่มีกองทัพที่ทันสมัย ให้จนตรอกและประสบกับความอัปยศ
กองทัพที่ครั้งหนึ่งในอดีตได้เคยถล่ม 3 ประเทศอรับที่เกรียงไกรให้ยอมศิโรราบภายในเวลาแค่เพียง 6 วัน แต่ต้องมาประสบกับความอัปยศติดหล่ม ณ ธรณีประตูฆ็อซซะฮฺ เมื่อเผชิญหน้ากับการเสียสละและอุดมการณ์พลีชีพของพวกท่านเป็นเวลา 20 วัน จงสืบสานศักดิ์ศรีแห่งความทรนงองอาจในวิถีศรัทธา จงมอบหมายต่ออัลลอฮฺ จงเชื่อมั่นในพันธสัญญาของพระองค์ จงอดทน จงกล้าแกร่ง และจงเสียสละในวิถีทางนี้ต่อไปเถิด เพราะ ณ วันนี้ มุสลิมทั้งผองกำลังเดินตามวิถีทางของพวกท่าน ญิฮาด (สงครามศักดิ์สิทธิ์) ที่พวกท่านได้ยืนหยัดมาจนถึงวันนี้ ได้ประจานอเมริกา , ลัทธิไซออนิสต์ , เหล่าผู้สนับสนุนพวกมัน , องค์การสหประชาชาติ และเหล่ามุนาฟิกีน (พวกสับปลับกลับกลอก – พวกหน้าไหว้หลังหลอก) ที่แฝงตัวอยู่ในประชาชาติอิสลามให้ประสบกับความอัปยศอดสูแล้ว
ณ วันนี้ ไม่เพียงแต่ประชาชาติมุสลิมเท่านั้นที่ยอมรับในสิทธิอันชอบธรรมของพวกท่าน ทว่า ประชาชนทั้งในทวีปยุโรปและทวีปอเมริกาอีกเป็นจำนวนมากที่ประจักษ์ถึงสิทธิอันชอบธรรมของพวกท่าน ณ วันนี้ พวกท่านได้ประสบชัยชนะแล้ว และด้วยการยืนหยัดอย่างทรนงและมีศักดิ์ศรี พวกท่านจะสามารถสร้างความอัปยศและความอัปราชัยให้ศัตรูผู้สถุลรุณชาติและเป็นปฏิปักษ์กับมนุษยชาติอย่างแสนสาหัสยิ่งกว่านี้อย่างแน่นอน อินชาอัลลอฮฺ
ท่านทั้งหลาย พึงตระหนักเถิดว่า
ما وَدَّعَك رَبُّك و ما قَلي
“พระผู้อภิบาลของเจ้ามิทรงทอดทิ้งเจ้า และมิทรงกริ้วเจ้าแต่อย่างใด”
และท่านทั้งหลาย พึงตระหนักเถิดว่า
و لَسَوفَ يُعطِيك رَبُّكَ فَتَرضَي
“และในไม่ช้าพระผู้อภิบาลของเจ้าจะทรงประทานแก่เจ้าจนเจ้าพึงพอใจอย่างแน่นอน”
อินชาอัลลอฮฺ
อย่างไรก็ตาม วิกฤติการณ์เลือดและโศกนาฏกรรมที่ประสบกับพี่น้องชาวปาเลสไตน์ที่มิได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับกองทัพ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เด็ก ๆ ผู้บริสุทธิ์ที่ถูกอยุติธรรมนั้น ทำให้หัวใจทุกดวงของพวกเราโชกชุ่มไปด้วยโลหิต วิกฤติการณ์ร้ายแรงจากน้ำมืออันโสมมของจอมอาชญากรผู้ปล้นสดมภ์ปาเลสไตน์ ซึ่งสถานีโทรทัศน์ทุกช่องของเราได้ถ่ายทอดสดให้เห็นทุกวันซ้ำแล้วซ้ำเล่าวันละหลายรอบนั้น สร้างความปริวิตกและความเจ็บปวดรวดร้าวแก่ประชาชาติของเราอย่างแสนสาหัส
اَعظَمَ الله لَكُم الجَزاء وَ عَجَّل لَكُم النَّصر
“ขออัลลอฮฺทรงประทานรางวัลอันยิ่งใหญ่แด่ท่าน
และทรงช่วยเหลือท่านโดยพลันด้วยเทอญ”
ท่านทั้งหลาย พึงตระหนักเถิดว่าพันธสัญญาของอัลลอฮฺนั้นสัตย์จริงเสมอ ดังที่พระองค์ทรงตรัสว่า
وَ لَيَنْصُرَنَّ اللَّهُ مَنْ يَنْصُرُهُ إِنَّ اللَّهَ لَقَوِيٌّ عَزِيز
“และอัลลอฮฺจะทรงช่วยเหลือผู้ที่ช่วยเหลือพระองค์
แท้จริง อัลลอฮฺ ทรงมหิทธานุภาพ ทรงเกียรติเกรียงไกร”
وَ مَن جاهَد فَانّما يُجاهِدُ لِنَفسه
“และใครที่ดิ้นรนต่อสู้ แท้จริง เขาได้ดิ้นรนต่อสู้เพื่อตัวเขาเอง”
เหล่าพวกอรับผู้ทรยศทั้งหลาย จงรู้ไว้เถิดว่า ชะตากรรมของพวกเขาจะไม่มีชะตากรรมดีไปกว่าพวกยะฮูดีย์ใน “สงครามอะหฺซาบ” อย่างแน่นอน ดังที่อัลลอฮฺทรงตรัสว่า
و اَنزَلَ الَّذين ظَاهَرُوهُم مِن اَهلِ الكِتَاب وَ مِن صَيَاصِيِهم ...
“พระองค์ทรงให้ชาวคัมภีร์ (พวกยิว) ที่ช่วยเหลือพวกเขา (พวกบูชาเจว็ด) ลงมาจากป้อมปราการของพวกเขา และทรงบรรจุความหวาดกลัวในหัวใจของพวกเขา”
ประชาชาติทั้งหลายยืนอยู่เคียงคู่กับ “มุญาฮิดีนฆ็อซซะฮฺ” ทุกรัฐบาลที่มีพฤติกรรมสวนทางกับการดิ้นรนต่อสู้นี้ ก็เท่ากับกำลังสร้างช่องว่างระหว่างตนกับประชาชนของตนให้ถ่างออกไปยิ่งขึ้นนั่นเอง และชะตากรรมของรัฐบาลที่มีพฤติกรรมเช่นนี้ย่อมเป็นที่ชัดเจน มาตรว่าผู้ปกครองเหล่านั้นคำนึงถึงชีวิตและศักดิ์ศรีของตน ก็จงรำลึกถึงวจนะของท่านอมีรุลมุอ์มินีน อลัยฮิสลาม ที่ได้วจนะไว้ว่า
المَوتُ في حَياتِكُم مَقهورين
وَ الحَياةُ في مَوتِكم قاهِرين
“ความตายที่แท้จริง คือการที่ท่านมีชีวิตอย่างผู้พ่ายแพ้
และการมีชีวิตที่แท้จริง คือการที่ท่านตายอย่างผู้มีชัย”
ข้าพเจ้าขอกล่าว “ศานติ” แด่ ฯพณฯ และบรรดานักต่อสู้ชาวฆ็อซซะฮฺ และประชาชนผู้ถูกอธรรมและยืนหยัดของ ฯพณฯ ทุกคน และถือเป็นภาระหน้าที่ที่ข้าพเจ้าจะต้องยืนหยัดเคียงข้างความเพียรพยายามทั้งหลายที่สาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านจะให้การสนับสนุน ฯพณฯ ต่อไป และข้าพเจ้าจะวิงวอนขอพรให้ท่านทั้งหลายทั้งกลางวันและกลางคืน ขออัลลอฮฺ ผู้ทรงเกียรติเกรียงไกร ผู้ทรงมหิทธานุภาพ ทรงประทานความอดทน และความช่วยเหลือแด่ท่านทั้งหลายด้วยเทอญ
و السلام عليكم و علي عباد الله الصالحين و رحمة الله و بركاته
“ขออัลลอฮฺทรงประทานศานติ ความการุณย์ และความจำเริญ แด่ท่านและปวงบ่าวผู้เป็นกัลยาณชนของพระองค์ด้วยเทอญ”
สัยยิดอะลี หุสัยนีย์ คอเมเนอีย์
15 มกราคม 2009 / 18 محرم 1430
ที่มา : http://www.leader.ir/langs/fa/index.php?p=contentShow&id=4679
+_+
ตอบลบ